วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

VISIONEAR แว่นตาส่งเสียงเพื่อผู้พิการทางสายตา



           จากจุดเริ่มต้นที่ต้องทำโปรเจกต์ในปีสุดท้ายในรั้วมหาวิทยาลัย นำไปสู่การมองหาปัญหาต่างๆ ที่น่าสนใจ จนค้นพบว่ายังไม่มีอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้พิการทางสายตามากเพียงพอ คุณปาล์มนันทิพัฒน์ นาคทอง


 ซึ่งปัจจุบันเป็นนักศึกษาปริญญาโทและผู้ช่วยสอน ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จึงร่วมกับเพื่อนๆ สร้างสรรค์ VISIONEAR แว่นตาที่สามารถสแกนสิ่งของและส่งเสียงบอกผู้พิการทางสายตาได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร และพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน


โปรเจกต์ที่เป็นจริง

หลังจากมองเห็นปัญหาของผู้พิการทางสายตาที่ยังไม่มีตัวช่วยที่ดีพอ คุณปาล์มจึงตัดสินใจรวมทีมกับเพื่อนทำโปรเจกต์แว่นตาเพื่อผู้พิการทางสายตา Visionear จนได้รับรางวัลมากมาย ผู้พิการทางสายตามีหลายระดับ ตั้งแต่ตาพร่ามัวไปจนถึงบอดสนิท แม้พวกเขาจะมีสัมผัสที่ดีกว่าคนปกติ แต่ในเรื่องของการแยกแยะสิ่งของยังเป็นปัญหา เราจึงพัฒนาโมเดลจากตรงนี้ ตอนแรกก็ทดลองทั้งหูฟัง เข็มกลัด หลายรูปแบบจนพบว่าแว่นตาเหมาะสมมากที่สุด เพราะมีความเป็นธรรมชาติ คือคนตาบอดส่วนใหญ่จะใส่แว่นดำและการเล็งที่แว่นตาเมื่อยกของมาดูตรงหน้าเป็นท่าทางของคนปกติ จึงพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เพื่อใช้งานกับแว่นตาสำหรับผู้พิการทางสายตา ช่วยให้แยกแยะของที่ไม่สามารถแยกแยะได้ด้วยการคลำเพียงอย่างเดียว เช่น เลย์เป็นห่อๆ เมื่อเขย่ารู้ว่าเป็นเลย์ แต่ไม่รู้ว่ารสชาติใดต้องรอถามพนักงาน เป็นต้น เมื่อทำเสร็จในช่วงแรกก็มีโอกาสเข้าประกวดต่างๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ รางวัลที่ได้รับมีทั้งจากงานประชุมวิชาการเรื่องวิศวกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอํานวยความสะดวกสําหรับคนพิการ (i-CREATe) นวัตกรรมเพื่อผู้พิการและผู้สูงอายุ งานด้านอุปกรณ์เพื่อผู้พิการที่ที่สิงคโปร์ และงาน Student InnovationVTKW Global Student Entrepreneurship Challenge ที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเทค สหรัฐอเมริกา ฯลฯ ก็เป็นแรงผลักดันให้อยากพัฒนาต่อไปให้ดียิ่งขึ้น


ใช้งานง่ายด้วยระบบที่ดี

          จุดเด่นของ Visionear นอกจากช่วยแก้ปัญหาการแยกแยะสิ่งของให้กับผู้พิการทางสายตาคือใช้งานได้ไม่ยาก คุณปาล์มเล่าว่า “Visionear เป็นแว่นตาที่มีการติดกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กไว้ด้านใน เมื่อชูสินค้าแล้วหมุนด้านหน้าของตัวแว่น กล้องจะถ่ายถาพสินค้าแล้วระบบจะหาบาร์โค้ดว่าอยู่ตรงไหนของภาพ จากนั้นจะวิเคราะห์เพื่อแยกแยะว่าภาพที่ถ่ายมาได้เป็นสินค้าประเภทไหน ซึ่งตอนนี้บอกได้ 3 เรื่องคือ สินค้า สี และธนบัตร โดยจะบอกเป็นเสียงพูด มีเสียงไทย อังกฤษ จีน แต่มีข้อจำกัดคือ ระบบไม่ได้อ่านสิ่งของทุกอย่างที่เดินผ่าน ต้องเป็นสิ่งของที่ผู้พิการทางสายตาหยิบขึ้นมาชูด้านหน้าแว่นตาและโฟกัสเฉพาะสินค้าที่มีบาร์โค้ด ส่วนอุปกรณ์นั้นนอกจากแว่นตาแล้วจะมีสายเชื่อมกับกล่องควบคุมที่สามารถใส่ตรงเข็มขัดหรือกระเป๋ากางเกงได้และเวลาชาร์ตแบตชาร์ตเหมือนมือถือ ซึ่งชาร์ตครั้งหนึ่งจะใช้งานได้ 4–5 ชั่วโมงในกรณีที่ถามตลอดเวลา โดยผู้พิการทางสายตาต้องฝึกระยะการชูสิ่งของให้ตรงกับแว่นประมาณครั้งถึงสองครั้งก็ใช้งานได้แล้ว

 


ไม่หยุดที่จะพัฒนา

            แม้ทีมงานจะลดจำนวนลง แต่คุณปาล์มยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าทำโปรเจกต์นี้ให้ผู้พิการทางสายตามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม ตอนแรกที่ทำโปรเจกต์นี้มี 4 คน ตอนนี้เหลือ 2 คน คือผมเป็น Developer พัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์แล้วก็คุณนิคบุษภาณี พงษ์ศิริยาภรณ์ทำเรื่อง Product Design เป็นหลัก เราตั้งใจจะทำในรูปแบบ Social Enterprise แต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะการทำตรงนี้ตอนนี้เหมือนทำกึ่งเต็มเวลาคือยังมีงานอื่นด้วย ซึ่งตอนนี้ Visionear ยังอยู่ในช่วงทดสอบที่สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยไปในวงกว้างมากขึ้น โดยเราทำงานกับฝ่ายอุปกรณ์ช่วยเหลือคนตาบอดมาประมาณ 2 ปีแล้ว มีประมาณ 5 อันที่ต้องเวียนทดสอบเพื่อเก็บผลการใช้งานในชีวิตประจำวันก่อนผลิตสินค้าจริง เสียงตอบรับที่ได้กลับมาตอนนี้ผู้พิการทางสายตาค่อนข้างชอบ อยากใช้ แต่ในเรื่องของการออกแบบต้องพัฒนาปรับปรุงเพื่อให้สวยงามและใช้งานได้สะดวก และปัญหาที่พบในช่วงทดสอบคือการทำโจทย์ตรงนี้เราไม่ได้มีคนในครอบครัวเป็นผู้พิการทางสายตาก็ต้องทำความเข้าใจกับวิถีชีวิตของเขาอย่างสม่ำเสมอ เมื่อจำหน่ายแล้วก็อยากจะให้ทั่วถึงทั้งในประเทศและต่างประเทศ


ประยุกต์ใช้นวัตกรรมสร้างประโยชน์

           การนำเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ คือหัวใจสำคัญที่คุณปาล์มนำมาใช้พัฒนาผลงานดีๆ เพื่อแก้ปัญหาสังคม เรามองว่า Visionear เป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วอย่างเทคโนโลยีการถ่ายภาพและวิเคราะห์ภาพในโจทย์ใหม่ที่ยังไม่มีใครศึกษาอย่างจริงจังมาก่อนและเกิดประโยชน์กับผู้พิการทางสายตา เราอยากพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้พิการทางสายตาในประเทศไทยให้ใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติและอยู่ร่วมกับคนปกติได้อย่างราบรื่น ด้วยความที่มาทางด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และวิศวกรรมก็มองว่าการทำในสิ่งที่ใกล้ตัวและถนัดน่าจะดีกว่าการไปทำอะไรที่ไกลตัว ซึ่งนวัตกรรมสามารถนำไปประยุกต์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ หรืออะไรสักอย่างหนึ่งที่ตอบโจทย์คนทั่วไปและคนในสังคมได้ด้วย อยากให้มองเรื่องเทคโนโลยีมากกว่าความบันเทิงและการอำนวยความสะดวก เพราะสามารถนำมาสร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหาได้ และความยากไม่ได้อยู่ที่ตอนลงมือทำ แต่อยู่ที่การทำความเข้าใจในปัญหาที่ต้องใช้เวลาและการรักษาไฟในตัวเราให้คงที่ ไม่ท้อถอย ถ้าตั้งใจทำแล้วเต็มที่กับมันอย่างต่อเนื่อง ย่อมเห็นผลอย่างแน่นอน

 

           ในอนาคตคุณปาล์มมุ่งหวังให้ Visionear ไปถึงมือผู้ใช้จริงๆ โดยเร็ววัน เราทำตรงนี้แล้วรู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นผู้พิการทางสายตาใช้แล้วมีความสุข มีชีวิตที่ดีขึ้น รวมทั้งได้เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาสังคม ก็อยากให้แว่นตานี้ถูกนำไปใช้งานอย่างทั่วถึงมากที่สุด


ติดตามอัพเดตเรื่องราว ส่งกำลังใจ ให้คำแนะนำ หรืออยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ VISIONEAR ได้ที่ https://www.facebook.com/Visionear/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น